วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

     การเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การประกอบอาชีพ

 
การเตรียมตัวเพื่อประกอบอาชีพ
              คนทุกคนต้องประกอบอาชีพเพื่อการดำรงชีวิต วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่ควรเลือกแนวทางการศึกษาเพื่อนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต บางคนอาจเริ่มแนวทางเพื่อการประกอบอาชีพแล้วเลือกศึกษาเพื่อเตรียมตัวประกอบอาชีพต่อไป หรือการเลือกอาชีพเป็นเรื่องที่สำคัญและทำให้วัยรุ่นเกิดความสับสนได้ เนื่องจากในเรื่องนี้จะมีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่มาก นับตั้งแต่บุคคลที่ใกล้ชิดที่สุด และมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพมากที่สุด คือ พ่อแม่ บุคคลอื่นๆ ภายในครอบครัว โรงเรียน กลุ่มเพื่อน เนื่องมาจากเด็กวัยรุ่นไทยยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของระบบการศึกษา สติปัญญา ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ความนิยมของท้องถิ่น โรงเรียนและสังคมส่วนร่วม และวัยรุ่นเองก็ยังไม่ตระหนักชัดในความสนใจ ความถนัด ความต้องการ และลักษณะบุคลิกภาพของตนเองอย่างแท้จริงในการตัดสินใจเลือกอาชีพวัยรุ่นจะต้องคำนึงถึง
1. ความถนัดส่วนตัว
คนเราแต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน การได้ทำงานหรือประกอบอาชีพที่ตนถนัดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานหรืออาชีพนั้นย่อมมีมาก ตรงข้ามถ้าได้ทำงานที่ตนเองไม่ถนัด นอกจากจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรแล้วยังทำให้ขาดความสุขในการทำงานนั้น ๆ อีกด้วย ความถนัดส่วนตัว เป็นสิ่งที่วัยรุ่นจะต้องค้นพบในตนเอง โดยจะต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ ไม่ใช้พิจารณาโดยผิวเผินจากความชอบ ความสนใจเพียงอย่างเดียว คนบางคนมีความชอบ มีคามสนใจ แต่อาจจะไม่ได้มีความถนัดก็เป็นได้ ความถนัดจึงเป็นความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีเป็นพิเศษ เช่น ความถนัดทางตัวเลข ความถนัดในการพูด การใช้ภาษา ความถนัดในการแสดงถึงแม้ว่าการทำงานใด ๆ ย่อมต้องอาศัยการฝึกฝน การมีความรู้เบื้องต้น แต่ความถนัดก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำงานให้ได้ดี
2. ความสนใจ
ความชอบในอาชีพนั้น ๆ โดยความเป็นจริงแล้วในวัยรุ่นเรามักจะสนใจและชอบอาชีพที่เด่นและโก้ มากกว่าจะพิจารณาอาชีพต่าง ๆ ที่เรามีความสามารถหรือแนวโน้มที่จะถนัดในอาชีพนั้นความสนใจ ความรักในการที่จะประกอบอาชีพนั้น ๆ ก็มีส่วนสำคัญอยู่บ้าง แต่ถ้าสนใจแล้วไม่ถนัดเลยก็จะไม่สามารถทำให้อาชีพนั้นเจริญก้าวหน้า เช่น วัยรุ่นหลายคนที่สนใจอาชีพที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก แต่กลับมีความถนัดในการพูด การใช้ภาษา ไม่ถนัดในด้านการใช้เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ไม่ควรเลือกอาชีพในด้านนี้ เพราะการทำในสิ่งที่ไม่มีความถนัดจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ยาก
3. การเลือกอาชีพตามความคาดหวังของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องเลือกอาชีพตามที่พ่อแม่คาดหวังเพียงเพื่อให้พ่อแม่พอใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่วัยรุ่นจะต้องพิจารณาให้ดี การเลือกอาชีพโดยตามใจพ่อแม่โดยไม่พิจารณาถึงความพอใจ ความสนใจ ความถนัด และความสามารถของตนเอง อาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ คำแนะนำของพ่อแม่นั้น เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความปรารถนาดี ประกอบกับความรู้และประสบการณ์ชีวิต ย่อมเป็นคำแนะนำที่ดี มีประโยชน์ต่อเรา แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้าย วัยรุ่นจะต้องมีแผนการเลือกอาชีพที่ตรงกับสภาพความเป็นจริงของตัวเองให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้โดยจะต้อพิจารณาข้อมูลต่างๆ ให้รอบคอบ
4. การเลือกอาชีพตามเพื่อน
ในช่วงวัยรุ่นเพื่อจะเป็นผู้มีอิทธิพลต่อชีวิตเรามากที่สุด ดังนั้นจึงมีวัยรุ่นเป็นจำนวนมากที่ตัดสินใจเลือกเรียนเพ่อการประกอบอาชีพตามเพื่อนเพียงเพราะว่า ต้องการเรียนหรืออยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันเพื่อนที่ใกล้ชิด เพื่อนอาจให้ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ แต่เราจำเป็นต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับตนเองมากที่สุด
5. โอกาสที่จะเข้าทำงาน
ในปัจจุบันในการเลือกเรียนอะไรก็ตาม เราจะต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะทำงานด้วย เช่น อาชีพครูในปัจจุบันจะมีการแข่งขันเพื่อสอบคัดเลือกเข้าทำงาน โดยมีผู้สมัครจำนวนมากที่ตำแหน่งน้อย โอกาสที่จะเข้าทำงานจึงยาก ถ้าเราเลือกเรียนเพื่อประกอบอาชีพนี้ก็จะต้องมั่นใจตนเอง ว่ามีระดับสติปัญญา มีความสามารถสูงกว่าธรรมดา เพื่อจะมีโอกาสที่จะได้มีงานทำ
6. การเลือกอาชีพจำเป็นต้องคำนึงถึงปัญหาในด้านสุขภาพด้วย
คนที่สายตาสั้นไม่ควรเลือกอาชีพที่จะต้องใช้สายตามาก หรือในการประกอบอาชีพบางอย่างไม่รับคนที่มีปัญหาในทางสายตา เช่น อาชีพ แอร์โฮสเตส คนที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคภูมิแพ้ฝุ่น แพ้ผงละออง ไม่ควรเลือกอาชีพที่ทำให้ต้องอยู่กับสิ่งที่จะทำให้เกิดแพ้ เช่น อาชีพช่างตัดผม เสริมสวย ช่างก่อสร้าง เป็นต้น
7. สติปัญญาหรือความสามารถ
การเรียนวิชาชีพขั้นสูงจำเป็นต้องอาศัยสติปัญญา ซึ่งอาจดูได้จากระดับคะแนนหรือผลการเรียนที่ผ่านมา นอกจากนั้นการสอบได้คะแนนสูงๆ ในวิชาใดก็พอจะชี้ให้เรารู้ได้ว่ามีแนวน้าที่จะเรียนได้ดี มีความสามารถสูงในวิชานั้นซึ่งควรนำมาพิจารณาเพื่อการตัดสินใจด้วย
8. ทุนทรัพย์ในการเตรียมตัวเพื่อการประกอบอาชีพนั้นๆ
ถ้าเราต้องการเป็นวิศวกร เราต้องเรียนวิศวกรรมในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งต้องใช้ทุนทรัพย์สูงมาก ผู้ปกครองมีทุนเพียงพอได้หรือไม่ เราจะสามารถหาทุนได้จากแหล่งใด
9. ข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับอาชีพที่เลือก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับลักษณะงาน คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพนั้น แนวโน้มในอนาคต รายได้หรือผลตอบแทน ข้อจำกัดและความเสี่ยง โอกาสก้าวหน้า วัยรุ่นจะต้องรู้จักนำข้อมูลหลายๆ ด้านมาเปรียบเทียบแล้วจึงตัดสินใจ นอกจากนั้นวัยรุ่นควรพิจารณาความรู้สึกของตนเองให้ถ่องแท้ เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นความสนใจและความต้องการอาจจะมีลักษณะที่หวือหวา ไม่มีการไตร่ตรองโดยแท้จริง การเลือกอาชีพ
        

การดำเนินการทางธุรกิจ บทที่ 7


         มนุษย์ทุกคนมีความต้องการที่เหมือนกันอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ประเภทแรกเป็นความต้องการที่จำเป็นขั้นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิต (Needs) ได้แก่ปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ส่วนความต้องการอีกประเภทหนึ่งนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์อยากมี (Wants) แต่ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ มนุษย์ก็ยัง สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตัวอย่างเช่น รถยนต์ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ดังนั้นธุรกิจจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของมนุษย์ เพราะธุรกิจเป็น แหล่งผลิตสินค้าและบริการ เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ทั้ง 2 ประเภทดังที่กล่าวมาแล้ว
สินค้าคือ สิ่งของที่มีตัวตน สามารถมองเห็นและจับต้องได้ เช่น รถยนต์ อาหาร เสื้อผ้า เป็นต้นตัวอย่างของธุรกิจที่เป็นแหล่งผลิตสินค้า เช่น โรงงานผลิต รถยนต์ โรงงานผลิตเสื้อผ้า เป็นต้น สำหรับการให้บริการนั้น หมายถึง สิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ แต่สามารถกำหนดราคา เพื่อซื้อขาย กันได้ ตัวอย่างเช่นการให้บริการของสถานเริงรมย์ บริการเสริมสวย บริการซักรีด บริการขนส่ง บริการด้านการสื่อสารของสถานที่ให้บริการเฉพาะนั้น ๆ เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของธุรกิจ

การประกอบธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทใดก็ตาม สิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องการ คือ กำไรแต่นอกเหนือจากกำไรแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอีกที่ธุรกิจ จะต้อง คำนึงถึง เช่น ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ความรับผิดชอบต่อสังคม ความรับผิดชอบต่อลูกจ้างพนักงาน ฯลฯ
วัตถุประสงค์ของธุรกิจ (Business Goals)ที่สำคัญมีดังนี้
  1. เพื่อความมั่นคงของกิจการ เมื่อธุรกิจเริ่มดำเนินการขึ้น เจ้าของธุรกิจก็มีความประสงค์จะผลิตสินค้า หรือบริการเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ต่อไป อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุด
  2. เพื่อความเจริญเติบโตของธุรกิจ นอกจากความมั่นคงของกิจการแล้ว ธุรกิจยังต้องการที่จะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยการขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น มีสาขาเพิ่มขึ้น มีพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคงทั้งทางการเงินและฐานะทางสังคม
  3. เพื่อผลประโยชน์หรือกำไร สิ่งที่จูงใจให้เจ้าของธุรกิจดำเนินธุรกิจต่อไป คือ กำไร ถ้าธุรกิจไม่มีกำไรกิจการนั้นก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ การที่ธุรกิจจะมีกำไรได้นั้นคือ ต้องจำหน่ายสินค้าหรือได้รับค่าบริการในราคาสูงกว่าค่าใช้จ่าย หรือต้นทุนที่ได้เสียไปในการผลิตสินค้าหรือบริการนั้น
  4. เพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม การดำเนินธุรกิจจะต้องคำนึงถึงจารีตประเพณีศีลธรรมอันดีงามของสังคมด้วย ธุรกิจจะต้องไม่ดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายหรือขัดต่อประเพณี ศีลธรรมอันดีงามของสังคม ธุรกิจจะต้องคำนึงถึงผู้บริโภค คำนึงถึงสภาพแวดล้อมต้องช่วยพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมให้ดีขึ้น เช่น การไม่ปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำลำคลอง การไม่ผลิตสินค้าที่มีสารพิษตกค้าง การไม่ตัดไม้ทำลายป่า การไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ฯลฯ
จากวัตถุประสงค์ของธุรกิจดังกล่าว จัดว่าเป็นวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ของธุรกิจเอกชน แต่ยังมีการประกอบธุรกิจบางประเภทที่ไม่ได้หวังผลกำไร (Social Prestige) ได้แก่ กิจการประเภทสาธารณูปโภค (Public Utilities) ต่าง ๆ เช่น การดำเนินกิจการของการไฟฟ้า การประปา การสื่อสารแห่งประเทศไทย เป็นต้น กิจการดังกล่าวดำเนินการโดยรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีความสะดวกสบาย

ปัจจัยในการดำเนินธุรกิจ

การดำเนินธุรกิจต้องอาศัยหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน จึงจะเกิดกิจกรรมในการประกอบธุรกิจ จะขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไม่ได้ โดยทั่วไปปัจจัยพื้นฐาน ในการดำเนินธุรกิจมี 4 ประเภท ที่เรียกว่า 4 M ได้แก่
  • คน (Man) ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะธุรกิจต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความคิดของคน มีคนเป็นผู้ดำเนินการหรือเป็นผู้จัดการ จึงจะทำให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจหลายรูปแบบ ซึ่งในวงจรธุรกิจมีคนหลายระดับ หลายรูปแบบ ทั้งระดับผู้บริหาร ผู้ใช้แรงงานร่วมกันดำเนินการ จึงจะทำให้ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ
  • เงิน (Money)เงินทุนเป็นปัจจัยในการดำเนินธุรกิจอีกชนิดหนึ่งที่ต้องนำมาใช้ในการลงทุน เพื่อให้เกิดการประกอบธุรกิจโดยธุรกิจแต่ละประเภท ใช้ปริมาณเงินทุกที่แตกต่างกัน ธุรกิจขนาดใหญ่ย่อมใช้เงินทุนสูงกว่าธุรกิจขนาดเล็กกว่า ดังนั้น ผู้ประกอบธุรกิจจึงต้องมีการวางแผนในการใช้เงินทุน และการจัดหาเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจไม่ประสบปัญหาด้านเงินทุน และก่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด คุ้มกับเงิน ที่นำมาลงทุน
  • วัสดุหรือวัตถุดิบ (Material)ในการผลิตสินค้าต้องอาศัยวัตถุดิบในการผลิตค่อนข้างมาก ผู้บริหารจึงต้องรู้จักการบริหารวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดต้นทุนด้านวัตถุดิบต่ำสุด อันจะส่งผลให้ธุรกิจมีผลกำไรสูงสุดตามมา
  • วิธีปฎิบัติงาน (Method)เป็นวิธีการในการปฎิบัติงานในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งต้องมีการวางแผนและควบคุม เพื่อให้การปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพ เกิดความคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกกิจการ


 

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


งานดอกไม้สดของไทย

          



         การประดิษฐ์ดอกไม้สด เป็นเอกลักษณ์ที่คนไทยและคนต่างชาติยอมรับความเป็นศิลปะที่ละเอียดอ่อนละเมียดละไมที่ชาติใดในโลกไม่สามารถทัดเทียมและเลียนแบบได้ ซึ่งเป็นเวลาอันยาวนานจากหนังสือเรื่องตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือเรื่องนางนพมาศ ปรากฏในรัชสมัยของสมเด็จพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยนั้น 650 ปีมาแล้ว ชาวไทยรู้จักร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปแบบต่างๆ เช่น โคมรูปสัตว์หรือเครื่องใช้ต่างๆตลอดจนการร้อยตาข่ายดอกไม้ สิ่งเหล่านี้ย่อมชี้ให้เห็นความเจริญในทางสติปัญญาและจิตใจของชาวไทยในสมัยนั้นได้ดี เป็นที่น่าภูมิใจว่าความเจริญนี้เรายังสามารถรักษาไว้ได้ตลอดมา
   การประดิษฐ์ดอกไม้สืบเนื่องและวิวัฒนาการมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีผู้เชี่ยวชาญการประดิษฐ์ดอกไม้ เช่น เจ้าคุณตานี ธิดาเจ้าพระยามหาเสน (บุนนาค) ซึ่งเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 1 และเป็นผู้ที่มีการคิดประดิษฐ์ดอกไม้เป็นรูปแบบต่างๆและเป็นช่างสืบต่อมาจนถึงธิดาและนัดดา กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร พระเจ้าบรมวงศ์ฝ่ายในชั้นผู้ใหญ่ และเจ้านายซึ่งประทับอยู่ด้วยก็ทรงประดิษฐ์ดอกไม้แห้ง และผูกดอกไม้ช่อเป็นจำนวนมาก 


วีดิโอการจัดดอกไม้สดของไทย  "ขันหมาก" นิยมใช้ในงานมงคล

การจัดดอกไม้สดมุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยตามวัตถุประสงค์ต่างๆดังนี้
1. การใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
-1.1  ใช้ไม้ดอกไม้ประดับเพื่อก่อให้เกิดความสวยงาม เช่น ร้อยพวงมาลัย ตกแต่งอาคารสถานที่
-1.2  ใช้ไม้ดอกไม้ประดับเพื่อความสดชื่น สบายใจ หรือฟื้นฟูสภาพจิตใจ เช่น การจัดกระเช้าดอกไม้หรือจัดแจกันให้ผู้         ป่วยเกิดความสดชื่น
-1.3  ช่วยลดการเกิดวัชพืช ไม้ดอกไม้ประดับบางชนิดสามารถปลูกคลุมดินได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิและ         ความชื้นภายในดิน
-1.4  การใช้ประโยชน์จากไม้ดอกไม้ประดับเพื่อเป็นยารักษาโรค เช่น ดอกบัว ดอกพิกุล ฯลฯ
-1.5  การใช้ประโยชน์จากไม้ดอกไม้ประดับในการประกอบอาหาร เช่น การใช้สีจากใบเตย ดอกอัญชัน ฯลฯ
-1.6  การใช้ประโยชน์จากไม้ดอกไม้ประดับในงานพิธีต่างๆ เช่น วันเกิด วันแห่งความรัก งานแต่งาน  ฯลฯ
-1.7  ใช้แสดงความยินดีและใช้โอกาสต่างๆ เช่น การได้เลื่อนตำแหน่งใหม่ รับปริญญา ฯลฯ
2. การใช้ประโยชน์ที่ก่อให้เกิดรายได้หรือการประกอบธุรกิจ
-2.1  การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อเป็นรายได้เสริม เช่น การปลูกเป็นพืชแซม หรือในสวนบริเวณบ้าน เช่น พวกปริก
-2.2  การปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อการค้า หรือจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น กล้วยไม้ กุหลาบ               เบญจมาศ แกลดิโอลัส เยอบีร่า มะลิ ดาวเรือง บัว เอสเตอร์ เป็นต้น
-2.3  ก่อให้เกิดธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น การค้าปลีกดอกไม้สด การค้าปลีกดอกไม้แห้ง การจัดสวน การท่องเที่ยว
-2.4  ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไม้ดอกไม้ประดับอย่างมาก เช่น ธุรกิจการจัดสวน ซึ่งปัจจุบันธุรกิจทางด้านนี้เติบโตมาก
    ดอกไม้นอกจะเป็นพืชที่สวยงามเเละส่งกลิ่นหอมเเล้ว ยังเป็นพืชที่มีประโยชน์มากทีเดียว ประโยชน์ของดอกไม้มีดังนี้
 1.ช่วยเติมสีสันให้เเก่โลก ทำให้โลกสวยงาม
 2.ดอกไม้บางชนิดนำมาเป็นอาหารได้เช่นดอกขจร ดอกเเค ดอกโสน เป็นต้น
 3.นำมาประดับตกเเต่งบ้านได้
 4.เป็นตัวกลางในการสือความหมายต่างๆเช่นบอกรัก เป็นกำลังใจ หวังดี เป็นต้น
 5.ใช้ในพิธีต่างๆเช่น วันเเม่ วันพ่อ เป็นต้น
 6.ใช้เพาะปลูกเพื่อค้าขายเป็นอาชีพได้
 7.ส่งกลิ่นหอมเป็นผลดีต่อสุขภาพ
 8. เป็นยารักษาโรคได้เช่นดอกกระดังงาไทย ดอกพิกุล ดอกมะลิ ดอกชุมเห็นเทศ ดอกขี้เหล็ก ดอกกระทือ ดอกยี่เข่ง 
 9.เป็นอาหารของสัตว์ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในป่า
 10.ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างได้เช่น ดอกไม้อบเเห้ง พวงมาลัย  น้ำหอม สีผสมอาหาร เป็นต้น
 11.ช่วยเพิ่มออกซิเจนในอากาศให้มากขึ้น
"พานโตกเล็มมือนางซ้อน"














งานดอกไม้สดของไทย บทที่ 5



     บรรพบุรุษของไทยเรามีชื่อเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมาย โดยเฉพาะการประดิษฐ์ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้  และวัสดุอื่น ๆ  เป็นที่ขึ้นชื่อมานานแต่โบราณกาลแล้ว ปรากฏแน่ชัดว่าได้มีการเริ่มต้นมาแต่ในสมัยใดแน่  คงเนื่องมาแต่ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้นั่นเอง  จึงไม่มีหลักฐานใด    ให้อนุชนรุ่นหลังได้สืบค้น     ต่อมาในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี  แต่ครั้งสมัยพระเจ้าอรุณมหาราช  คือพระร่วงเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีพระสนมเอก  คือ 
   ท้าวศรีจุฬาลักษณ์  หรือนางนพมาศ


   ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในงานด้านฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้สดเป็นเลิศ ในสมัยนั้นตามหลักฐาน
ที่อ้างถึงในพระราชนิพนธ์เรื่องพระราชพิธี 12 เดือนตอนหนึ่งที่กล่าวถึง ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ 
ได้คิดตกแต่งโคมลอยให้งดงามวิจิตรกว่าโคมของพระสนมอื่นทั้งปวง โดยการนำเอาดอกไม้ต่าง  ๆ
มาประดิษฐ์ตกแต่ง  และยังได้เอาผลไม้มาทำการแกะสลักตกแต่งประกอบไปด้วย แต่ก็มิได้มีการอ้างถึงว่า ในการตกแต่งครั้งนั้นมีการร้อยมาลัยมาประดับตกแต่งด้วยหรือไม่  และในหลักฐานที่อ้างถึงตอนหนึ่งว่า ในเดือนเมษายนมีพระราชพิธีสนามใหญ่บรรดาเจ้าเมือง  เศรษฐี  คหบดีเข้าเฝ้าถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจ้า  เพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการ พระสนมกำนัลต่าง ๆ ก็ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ  ใส่เมี่ยงหมากถวายให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้มาเฝ้าและในครั้งนั้นนางนพมาศก็ร้อยดอกไม้สีเหลืองเป็นรูปพานทองสองชั้นรองขัน  มีระย้าระบายงดงามในขันใส่เมี่ยงหมาก  แล้วร้อยดอกไม้เป็นตาข่ายคลุมขันอีกทีหนึ่งเป็นที่เจริญตาและถูกกาละเทศะอีก  สมเด็จพระร่วงเจ้าจึงทรงบัญญัติว่าถ้าชาวไทยทำการรับแขกเป็นการสนามใหญ่  มีการอาวาหมงคล หรือวิวาหมงคล   เป็นต้น  ให้ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปพานขันหมากดังนี้  และให้เรียกว่า พานขันหมาก  



 วิธีการประดิษฐ์ดอกไม้สดของไทย


          การประดิษฐ์ดอกไม้สดของไทยเป็นมาลัย เครื่องแขวน เครื่องประดับตกแต่งสถานที่ในงานพิธีต่างๆมักจะใช้วิธีการกรอง การเย็บ การมัด เพื่อให้เกิดเป็นชิ้นงาน
การกรอง
      การกรอง คือ การเอาบางส่วนของดอกไม้ที่ได้จากการเฉือนเป็นแว่นๆหรือผ่กลางชิ้น แล้วนำมาเสียบหรือร้อยในไม้ไผ่ที่เหลาแหลม หรือก้านมะพร้าว ( ทางมะพร้าว )  ซ้อนกัน การกรองมี 2 แบบ ได้แก่ การกรองดอก และการกรองเส้น 
      1.วิธีการกรองมีขั้นตอน ดังนี้
          1.1 เหลาไม้เล็กปลายแหลมทั้ง 2 ด้าน ยาวประมาณ 2 นิ้ว 2 อันเลือกดอกมะลิขนาดเล็ก 1 ดอก เสียไม้แหลมทั้งสองอัน ไปที่กึ่งกลางหเานดอก เป็นแนวกากบาท และเสียบไม้ที่โคนดอกสำหรับเป็นก้านดอก








                 1.2 ผ่าดอกตูมขนาดกล่างออกเป็น 2 ส่วน เสียบดอกมะลิแต่ละส่วนกับไม้แหลมด้านละ 1 ส่วน ทั้ง 4 ด้าน แล้วใช้ด้ยพันขัดกับไม้แหลมให้แน่น







    



       1.3ผ่าดอกตูมใหญ่เป็น 2 ส่วน เสียบแต่ละส่วนกับดอกไม้แหลมทั้ง 4 ด้าน ใช้ด้านพันขัดกับไม้แหลม โดยวางกลีบให้สับหว่างกันเพื่อความสวยงาม ทำเช่นนี้อีก 2 ชั้น แล้วพันด้ายให้แน่น เมื่อทำเสร็จแล้วจึงตัดไม้กากบาทที่เหลือทิ้งและพันฟลอราเทป













      2.วิธีการกรองส้น มีขั้นตอน ดังนี้
              2.1 เฉือนดอกบานนไม่รู้โรยที่มีขนาดดอกเท่าๆกันออกเป็นแว่นๆโดยแต่ละแว่นไม่หนาหรือบางจนเกินไป ดอกบานไม่รู้โรย 1 ดอก จะได้ 2-3 แว่น แล้วแยกกลีบเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กเพื่อความสะดวกในการกรอง
                                2.2เหลาทางมะพร้าวให้ปลายแหลมแล้วพันฟลอร่าเทปที่โคนทางมะพร้าว เว้นความยาวตามขนาดความยาวของเส้นกระรอกที่ต้องการ หรือจะฬช้เส้นลวดแทนทางมะพร้าวก็ได้






             
 2.3 ร้อยกลีบดอกขนาดใหญ่ใส่ทางมะพร้าวยาวประมาณ 11 ใน 3 ของความยาวทางมะพร้าว




     
  2.4 ร้อยกลีบดอกขนาดกลางใส่ทางมะพร้าวยาวประมาณ 2 ใน 3ของคววามยาวทางมะพร้าว

       2.5 ร้อยกลีบดอกขนาดเล็กใส่ทางมะพร้าวยาวจนสุดปลายทางมะพร้าว แล้วจบลงด้วยดอกบานไม่รู้โรย ดอกเล็กปิดปลายทางมะพร้าว

ประเภทต่าง ๆ ของมาลัย
   แบ่งตามหน้าที่ใช้สอย    
  มาลัยชายเดียว  หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะเป็นพวงกลม มีอุบะห้อยเป็นชายเพียงพวงเดียว ซึ่งบางคนอาจเรียกว่า มาลัยมือ มาลัยข้อมือ หรือมาลัยคล้องแขน ก็ได้ ถ้าใช้ในการทูลเกล้า  ถวาย ก็เรียกว่า มาลัยข้อพระกร มาลัยชายเดียวนี้ใช้
สำหลับคล้องแขนหรือบูชาพระ
    
  มาลัยสองชาย หมายถึง มาลัยที่นิยมผูกต่อริบบิ้นหรือโบว์ทั้งสองชาย และมีอุบะห้อยชายมาลัย  ทั้งสองพวงมาลับสองชายนี้ใช้สำหรับคล้องคอบุคคลสำคัญในงานนั้น ๆ ใช้แขวนหน้ารถหรือหัวเรือก็ได้ บางคนอาจเรียกมาลัยชนิดนี้ว่า มาลัยคล้องคอ  ถ้าใช้คล้องคอเจ้าบ่าว เจ้าสาว ก็เรียกว่า มาลัยบ่าว-สาว
    
  มาลัยชำร่วย  หมายถึง  มาลัยขนาดเล็ก  น่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม  สำหรับมอบให้บุคคลจำนวนมาก  เป็นของชำร่วย  ตอบแทน การขอบคุณที่มาร่วมในงานนั้น ๆ

แบ่งตามรูปแบบของการร้อย
  
  •   มาลัยซีก หรือเสี้ยว หมายถึง มาลัยที่ร้อยตามขวางเพียงครึ่งวงกลม   
  •   มาลัยกลม หมายถึง มาลัยที่ร้อยตามขวางเป็นวงกลม ตามยาวไปตลอดเข็ม   
  •   มาลัยแบน หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปยาวตามกลีบ ปลายกลีบของด้านตรง    ข้ามยาวประมาณจดแนวเส้นรอบวงแต่ปลายกลีบของด้านขวางและด้านตรงข้ามแคบ
  •   มาลัยรี หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปรูปทรงตามยาวขึ้นไปตลอดเข็ม
  •   มาลัยสามเหลี่ยม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปสามเหลี่ยม
  •   มาลัยสี่เหลี่ยม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวาง เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้าน
  •   มาลัยตุ้ม หมายถึง มาลัยที่มีรูปทรงตามขวางเป็นรูปวงกลมขนาดเล็กแล้วค่อย ๆ ใหญ่ตรง       กลาง หัวท้ายเรียว ช่วงกลางโค้งมน
  •   มาลัยตัวหนอน หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะคล้ายมาลัยตุ้มแต่ยาวกว่า
  •   มาลัยตัวหนอนคู่ หมายถึง มาลัยที่มีลักษณะเหมือนมาลัยตุ้ม 2 ตุ้มร้อยต่อกัน
  •   มาลัยสามกษัตริย์ หมายถึง มาลัยที่ร้อยด้วยดอกบานไม่รู้โรยเป็นชั้น ๆ คล้องต่อกันสามวง
  •   มาลัยพวงดอกไม้ หมายถึง มาลัยที่ร้อยด้วยดอกไม้เรียงต่อกันเป็นสายยาว ผูกกันเป็นวง
  •    
  •  แบ่งตามลักษณะโครงร่าง
  •   มาลัยตัวสัตว์  หมายถึง มาลัยที่ร้อยให้เป็นรูปร่างสัตว์  เช่น  หนู  กระรอก  กระแต          กระต่าย  ชะนี  ฯลฯ
  •   มาลัยลูกโซ่  หมายถึง มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมหรือมาลัยซีก นำมาคล้องต่อกันเป็นวง    คล้องโซ่
  •   มาลัยเปีย  หมายถึง  มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมและตุ้ม มาประกอบเป็นพวง โดยเอามาลัย  กลมผูกเป็นวงตรงกลาง บนและล่างต่อด้วยตุ้มด้านละ 1  ตุ้ม
  •    มาลัยครุย  หมายถึง  มาลัยที่ร้อยจากมาลัยกลมขนาดใหญ่ มีอุบะตุ้งติ้งห้อยระบายเป็นครุย  โดยรอบ
  •    มาลัยดอกกล้วยไม้  หมายถึง  มาลัยที่ร้อยด้วยดอกกล้วยไม้ล้วน ๆ  เป็นส่วนตัวของมาลัย
  •   
  •  คำต่าง ๆ ที่ใช้ในการร้อยมาลัย
  •    – ดอกตุ้ม หมายถึง ส่วนประกอบที่อยู่ปลายสุดของอุบะ เช่น ดอกข่าประดิษฐ์ กุหลาบตูม  บานไม่รู้โรย  จำปี  จำปา  ชบาหนู  กล้วยไม้  เป็นต้น
  •    – อุบะ หมายถึง  ดอกไม้ที่ใช้ห้อยชายมาลัยให้สวยงาม
  •    – ซีก  หมายถึง  มาลัยที่ผูกปิดรอยต่อของมาลัย หรือนำไปผูกรัดเป็นมาลัยลูกโซ่ 
  •    – แต่งตัว  หมายถึง  การนำส่วนต่าง ๆ  ของมาลัยผูกต่อเข้าด้วยกันจนสำเร็จและสวยงาม
  •    – แป้น  หมายถึง ส่วนที่เป็นที่รองรับดอกไม้ที่ร้อยอยู่ในเข็มมาลัย  และปิดท้ายของการร้อยมาลัยเมื่อจบเข็ม
  •   หลักการร้อยมาลัย
  •    – การเตรียมเข็มมาลัย ใช้น้ำมันทาเข็มให้ลื่น แล้วเช็ดให้สะอาด
  •    – การเตรียมแป้นใบตอง การร้อยมาลัย 1 เข็ม  ต้องใช้แป้นใบตองเท่ากัน 2 อัน
  •    – การถือเข็มมาลัย ถือเข็มมาลัยด้วยมือซ้ายสูงจากก้านเข็มประมาณ 3 นิ้ว
  •    – การปลิดกลีบกุหลาบใช้มือซ้ายจับก้านกุหลาบคว่ำลง มือขวาจับกลีบกุหลาบชั้นบน แล้วค่อย ๆ ดึงเข้าหาตัว
  •    – การพับกลีบดอกไม้  เอาโคนกลีบออกข้างนอกพับทบครึ่งตามยาวของกลีบ  แล้วพับทบกลีบ  ออกมาทั้งสองข้าง
  • วิธีการร้อยมาลัย
  •    – ร้อยจากด้านซ้ายสุดก่อนเป็นกลีบแรก กลีบต่อ ๆ ไปร้อยหมุนตามเข็มนาฬิกา  ร้อยแต่ละชั้นควรให้สับหว่างกับแถวแรก
  •    
  • วิธีแต่งตัวมาลัย
  •    – สำรวจและตกแต่งตัวมาลัยให้เรียบร้อย
  •    – ผูกอุบะกับตัวมาลัย
  •    – ผูกมาลัยซีกปิดรอยต่อระหว่างอุบะกับตัวมาลัย
  •    – ผูกมาลัยกับริบบิ้น

วิดีโอวิธีการร้อยมาลัย

















เทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี บทที่ 6

เทคโนโลยี กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต



ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านไหน
-ด้านการศึกษา
-ด้านความบันเทิง
-ด้านการเงิน การธนาคาร
-ด้านการสื่อสารและคมนาคม
-ด้านศิลปะและการออกแบบ
-ด้านการแพทย์
-ด้านวิทยาศาสตร์และเคมี

ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไร

1.ด้านการศึกษา ใช้เพื่องานด้านการเรียนการสอนในหลายรูปแบบ เช่นการนำบทเรียน การผลิตสื่อการสอน การใช้ซีดีรอมสำหรับการเรียนรู้ เกมเพื่อการศึกษาหรือคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
2.ด้านความบันเทิง เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อความสนุกสนานบันเทิง เช่น เล่นเกมฟังเพลงชมภาพยนต์
3.ด้านการเงิน การธนาคาร ใช้ในการเบิก - ถอนเงินผ่านเครื่อง ATM การโอนเงินด้วยระบบด้วยอัตโนมัติโดยโอนเงินจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การดูข้อมูลตลาดหุ้นการทำกราฟแสดงยอดขาย
4.ด้านการสื่อสารและคมนาคม ใช้ในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต สื่อสารถ่ายทอดผ่านดาวเทียมการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์ การคมนาคมทางเรือ เครื่องบินและรถไฟฟ้า
5.ด้านศิลปะและการออกแบบ เป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการวาดรูปการ์ตูนออกแบบงานและการสร้างภาพกราฟิกหรือการตกแต่งภาพในคอมพิวเตอร์
6.ด้านการแพทย์์ ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานด้านการแพทย์หลายด้านเช่น การเก็บประวัติคนไข้ การใช้ทดลองประกอบการวินิจฉันของแพทย์ใช้ในการตรวจเลือก ตรวจปัสสาวะ การผ่าตัดหัวใจการตรวจสอบห้องพักผู้ป่วยว่าว่างหรือไม่ การควบคุมแสงเลเซอร์การเอ็กซ์เรย์ การตรวจคลื่อนสมองคลื่นหัวใจ เป็นต้น
7.ด้านวิทยาศาสตร์และเคมี ใช้ในการวิเคราะห์สูตรทางเคมีการคำนวณสูตรทางวิทยาศาสตร์การค้นคว้าทดลองในห้องวิทยาศาสตร์ การคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลและการเกิดปรากฏการณ์เกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ

ผลจากการใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ชีวิตมีคุณภาพอย่างไร
เช่น ด้านการศึกษา ทำให้ชีวิตมีคุณภาพมากขึ้นในเรื่องของการเรียนการสอน ที่มีความหลากหลายรวดเร็ว และแม่นยำในการคำนวณ สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้มากขึ้น

ตู้เย็น

ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านไหน

-ด้านการถนอมอาหาร

ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไร
-ใช้ในการแช่อาหารถนอมอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ ทำให้ครอบครัวส่วนใหญ่สามารถซื้ออาหารมาเก็บไว้ได้ทีละมาก ๆ 

ผลจากการใช้ตู้เย็นทำให้ชีวิตมีคุณภาพอย่างไร
ตู้เย็นช่วยในการถนอมอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ เพราะะความเย็นจะหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังนำไปสู่การสร้างห้างสรรพสินค้าซึ่งมีอาหารหลากหลายชนิด ส่งผลให้โภชนาการของประชาชนทั่วไปดีขึ้น การขาดสารอาหารลดลง ผลิตภัณท์นม เนื้อสัตว์ ปลา เป็ดไก่ ผัก และอาหารทะเลสามารถเก็บในตู้เย็นที่อยู่ในห้องครัวได้ (ควรเก็บเนื้อดิบ ๆ แยกต่างหากเพื่อความสะอาด)ผู้คนสามารถรับประทานอาหารที่หลากหลายในมื้อเดียว เช่น สลัดผัก นอกจากนี้ยังมีอาหารที่มาจากหลายที่ เช่น ภาคอีสานสามารถรับประทานอาหารทะเลเพื่อป้องกันโรคคอพอก การส่งออกอาหารแช่แข็งก็เป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้คนไทยมากมาย 
รถยนต์ 











ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านไหน
-ด้านการขนส่ง

ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไร
-ใช้ในการเคลื่อนย้ายวัตถุ สินค้าหรือ มนุษย์ ไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ผลจากการใช้เทคโนโลยีทำให้ชีวิตมีคุณภาพอย่างไร
-ผลจากการใช้รถยนต์ในการขนส่งทำให้เกิดประโยชน์ดังนี้
1.ช่วยให้ตลาดสินค้าขยายขอบเขตออกไปกว้างขวางขึ้น สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายไกลๆ ได้
2. สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ เพราะถ้าส่งสินค้าไปยังที่ที่สินค้าดังกล่าวปริมาณน้อยคนต้องการมาก ย่อมทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น
3. ทำให้เกิดการแบ่งงานกันทำ
4. ทำให้ไม่เกิดการกักตุนสินค้า เพราะการขนส่งมีได้ตลอดเวลา ใช้เวลาไม่นานในการขนส่งแต่ละครั้ง 
5. ทำให้ประชาชนเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวก
6. ทำให้ประชาชนมีงานทำ เพราะการขนส่งต้องใช้แรงงานระดับต่างๆ จำนวนมากจึงทำให้เกิดอาชีพเกี่ยวกับขนส่งและอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอ YouTube